การใช้สูตรตารางเดินเงินถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ผู้เล่นทำกำไรแบบหวังผลได้จริง และได้ผลลัพธ์ที่ดีทีเดียว หากทำตามเงื่อนไขและข้อกำหนดของสูตรนั้นๆอย่างเคร่งครัด และระบบ พาร์เลย์ ก็เป็นอีกเทคนิคหนึ่ง ที่ถูกนำมาใช้ในการเดิมพันได้เช่นเดียวกัน เป็นสูตรที่มีคอนเส็ปต์แบบ พีระมิด นิยมใช้ในหมู่นักเดิมพันเกมกีฬาจนนำมาใช้กับบาคาร่าออนไลน์ด้วย จะเป็นอย่างไรมาดูกัน
สารบัญเนื้อหา
ความเป็นมาสู่ระบบการเดิมพันพาร์เลย์
สำหรับระบบการเดินเงินแบบ พาร์เลย์ (Parlay System) ถูกใช้ครั้งแรกตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ในเกมไพ่ที่เหล่าขุนนางในวังนิยมเล่นอย่าง Basset เป็นเกมที่ต้องเล่นแข่งขันกับเจ้ามือ หรือ Banker ซึ่งเงินรางวัลจะขึ้นอยู่กับจำนวนที่เหลืออยู่บนโต๊ะพนัน และเงินรางวัลจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในทุกๆ ครั้งที่มีผู้เล่นเดิมพันเพิ่ม ดังนั้นแปลว่าหากใช้เทคนิค พาร์เลย์ จะเป็นการเดิมพันเพิ่มบวกกับเงินเดิมพันเดิมที่อยู่บนโต๊ะพนันแล้วนั่นเอง
การทำงานของระบบเดินเงินพาร์เลย์ จะเป็นการเล่นในเชิงรุก หรือแบบโปรเกรสซีฟ ซึ่งจะเห็นผลเมื่อเพิ่มเงินเดิมพันและชนะเท่านั้น โดยให้ทำการเพิ่มเงินเดิมพันทุกครั้งที่ชนะเท่าหนึ่ง รางวัลที่ได้รับก็จะมากขึ้นตามไปด้วยเท่าตัว เท่ากับจำนวนเงินดั้งเดิมบวกด้วยเงินกองใหม่ คล้ายกับการสร้าง พีระมิด ที่ยอดเงินทุนจะถูกทบเพิ่มต่อเนื่อง เมื่อได้กำไร ให้นำมาเล่นต่อในส่วนของกำไร และเก็บทุนเข้ากระเป๋า เป็นการใช้กำไรสร้างกำไรต่อเนื่อง
ระบบการเดิมพันพาร์เลย์ทำงานอย่างไร
สำหรับเป้าหมายของระบบ พาร์เลย์ (Parlay System) คือ การสร้างกำไรอย่างต่อเนื่องจากเงินก้อนกำไรที่ได้มา เพื่อลดจำนวนเงินที่ต้องเสียให้ได้มากที่สุด เป็นการใช้เงินกำไรเป็นหลัก จะใช้เงินทุนที่ครั้งแรกของการวางเดิมพันเท่านั้น โดยให้ผู้เล่นวางเงินเดิมพัน 1 หน่วย จำนวนเงินเป็นเท่าไรก็ได้ตามต้องการ เมื่อชนะรอบถัดไปให้นำกำไรที่ได้ส่วนนั้นมาลงทั้งจำนวน ส่วนทุนตั้งต้นในรอบก่อนให้เก็บไว้ หากชนะอีกให้ลงเงินกำไรที่ได้ใหม่บวกด้วยกำไรที่ใช้เล่นรอบที่แล้ว แต่หากแพ้ให้ลดเงินเดิมพันลง 1 เท่า
หลายคนอาจมองว่าระบบ พาร์เลย์ ดูเหมือนเป็นระบบที่ใช้เงินเยอะ เพราะต้องลงเดิมพันทั้งจำนวนต่อเนื่อง เหมือนกับสูตรทบเงิน แต่ความเป็นจริงระบบนี้ค่อนข้างปลอดภัยสูง เพราะเป็นการนำกำไรมาเล่นต่อกำไรเรื่อยๆ ไม่กระทบกับเงินต้นเลย ความเสี่ยงมีเพียงตาแรกที่เดิมพันเท่านั้น ที่ใช้เงินทุนของผู้เล่นเองวางเงินครั้งแรก หากเสียตั้งแต่รอบแรกก็ถือว่าเสียทุน ให้ลงใหม่จนกว่าจะชนะ เมื่อชนะได้กำไรมาแล้วก็รันกำไรเล่นต่อและเก็บทุนไว้ได้เลย ทำให้ไม่จำเป็นต้องเพิ่มเงินทุนทุกรอบ เพราะระบบจะเพิ่มเงินให้ต่อเนื่องหากชนะติดกัน
ตัวอย่างการใช้งานระบบพาร์เลย์
- กำหนดเงินเดิมพันครั้งแรก 1 หน่วย สมมติวางไว้ที่ 1,000 บาท
- จากนั้นหากเล่นชนะ จะได้กำไร 1,000 บาท รวมทุนจะเท่ากับ 2,000 บาท
- ให้เก็บเงินทุน 1,000 บาทไว้ และนำเพียงกำไร 1,000 บาท ใช้ลงเดิมพันตาถัดไป
- หากชนะจะได้กำไรอีก 1,000 บาท รวมเป็นกำไร 2,000 บาท ตาถัดไปจะต้องใช้ลงทั้งหมด
- หากแพ้ในตาไหนจะเสียกำไรที่ได้ทั้งหมด แต่จะไม่กระทบกับเงินทุนผู้เล่นแม้แต่บาทเดียว
ใช้สูตรพาร์เลย์อย่างไรให้ปลอดภัย
ระบบเดินเงินพาร์เลย์ ถือว่ามีข้อดีมากๆ หากใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะช่วยลดความเสี่ยงเงินทุนของผู้เล่นได้ พร้อมสามารถทำกำไรได้อย่างรวดเร็วจากการทบกำไรอย่างต่อเนื่อง จะมีเพียงตาแรกที่ต้องใช้เงินทุนผู้เล่นจริงๆ ลงเดิมพัน ซึ่งมีความเสี่ยงเพียงตาแรกเท่านั้น ถ้าแพ้ก็ต้องลงเงินใหม่จนกว่าจะชนะ เมื่อใดที่ชนะก็ถือว่าเข้าสูตรทันที รันกำไรต่อกำไรได้อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะแพ้ และหากแพ้ก็เสียเพียงแค่กำไรที่ได้ แต่เงินทุนผู้เล่นยังอยู่ครบแน่นอน
ตัวแปรสำคัญที่สุดของ พาร์เลย์ คือ เงินทุนตั้งต้นที่ใช้วางเดิมพันในตาแรก หากลงเงินไว้เยอะ แน่นอนว่าเมื่อชนะก็ได้ผลตอบแทนที่มากตามไปด้วย และระบบสูตรในตาถัดไปจะยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้นไปอีก แต่หากแพ้ นั่นหมายความว่าทุนผู้เล่นที่วางไว้ตาแรกจะเสียทั้งหมด ซึ่งหากลงไว้เยอะหวังกำไรเยอะทีเดียว อาจไม่ใช่ทางที่ดี เพราะมีความเสี่ยงมากเกินไป แนะนำให้แบ่งจำนวนเงินลงในจำนวนที่ยอมเสียได้จะปลอดภัยกว่า
เคล็ดลับเสริม
- อย่าลงเงินจำนวนมากในทีเดียว ให้แบ่งลงด้วยจำนวนเงินที่เสียได้จะปลอดภัยกว่า
- ลองแบ่งสัดส่วนเงินที่ลง เช่น ลง 5-10% ของทุนทั้งหมด หากเสียก็ค่อยลงใหม่
- หากมีเทคนิคอ่านไพ่ อ่านเค้าไพ่ได้แม่นยำ ควรนำมาใช้ เพราะช่วยให้ตาแรกที่ลงเงินแม่นยำขึ้น
ระบบ Parlay ต้องตั้งเป้าหมายกำไรไว้ให้พร้อมก่อนเล่น
สิ่งสำคัญที่ทำให้ระบบเดินเงินพาร์เลย์ได้ผลหรือไม่ได้ผลนั้น ต้องบอกว่าอยู่ที่ตัวผู้เล่นเองเป็นหลัก เพราะจะเห็นว่า หากเล่นชนะตาแรกได้ จะถือว่าติดสูตร และเข้าระบบในตาถัดๆ ไปทันทีจนกว่าจะแพ้ หมายความว่าเมื่อชนะได้อย่างต่อเนื่องทุกตา แปลว่ากำไรจะยิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่เมื่อแพ้ตาไหนก็ถือว่าจบทันที ต้องกลับมาเริ่มเสี่ยงวางทุนในตาแรกใหม่ ดังนั้นจึงมีเคล็ดลับที่ควรนำไปใช้ด้วย
เคล็ดลับที่ว่านี้ คือ การกำหนดเป้าหมายกำไรที่ชัดเจน ว่าได้กำไรเท่าไร ชนะติดกันกี่ครั้งถึงจะหยุดการทำกำไรที่ได้ เพื่อป้องกันการแพ้ในตาถัดไป ตัวอย่างเช่น กำหนดกำไรเมื่อชนะติดกันที่ 3,4,5 ครั้ง เป็นต้น ที่ต้องกำหนดตั้งเป้าหมายไว้ตั้งแต่แรกเพื่อให้ตัวเราทำตามแผนที่วางไว้ เพราะระหว่างการเล่นภายในเกม เชื่อว่าผู้เล่นจะมีการใช้อารมณ์ ความโลภเข้ามาเกี่ยวข้องแน่นอน ยิ่งชนะติดกันมากเท่าไร ยิ่งเห็นตัวเงินมากขึ้นเท่านั้น และนำพาไปสู่ความโลภจนแพ้ไม่ยอมคว้ากำไรจริงออกมาก่อน