โป๊กเกอร์ Poker ในปัจจุบันแบ่งได้เป็นหลายประเภท ได้แก่ Texas Hold’em โป๊กเกอร์ Omaha โป๊กเกอร์ Poker City โป๊กเกอร์ Poker Drew ซึ่งประเภทที่พบและเล่นกันมากที่สุด คือ Texas Hold’em ที่มีกฎพิเศษแตกต่างจากประเภทอื่นๆ เช่น แต่ละประเภทมีวิธีการกระจายไพ่ของตัวเองตามจำนวนรอบ และมีขีดจำกัดการเดิมพันที่ผู้เล่นต้องการ แต่หลักๆ แล้วจะให้ความสำคัญกับแต้มตามประเภทของไพ่ที่จะเป็นตัวกำหนดว่าใครจะเป็นผู้ชนะผ่านการแจกไพ่ 5 ใบ
การนับแต้มของเกมไพ่โป๊กเกอร์
1.รอยัลฟลัช (Royal-Flush) เป็นไพ่ที่แต้มสูงสุด ประกอบด้วย 10 J Q K A หน้าดอกเดียวกันดอกไหนก็ได้
2.สเตรทฟลัช (Straight-Flush) เป็นไพ่มีดอกเหมือนกัน Q J 10 9 8 ไพ่ 5 ใบ ที่มีหน้าดอกเดียวกันและเรียงลำดับ
3.โฟร์การ์ด (Four of a kind) เป็นไพ่ 4 ใบมีแต้มเท่ากัน 4 4 4 4 6 ดอกหน้าไพ่ครบทุกตัว
4.ฟูลเฮาส์ (Full-House) เป็นไพ่ตองและคู่ เช่น 3 3 3 และ 6 6 ดอกใดก็ได้
5.ฟลัช (Flush) เป็นไพ่ 5 ใบที่มีดอกเดียวกัน Q 10 7 6 4 เป็นต้น
6. สเตรท (Straight) เป็นไพ่ 5 ใบ กับดอกใดก็ได้เรียงลำดับต่อกัน Q J 10 9 8 เป็นต้น
7.ตอง (Three of a kind) เป็นไพ่ 3 ใบที่มีแต้มเท่ากัน เช่น 2 2 2 K 6 ดอกใดก็ได้
8. 2 คู่ (Two-pair) เป็นคู่ 2 ชุด เช่น J J 4 4 9 ดอกใดก็ได้
9. 1 คู่ (One-pair) เป็นไพ่ที่มี 1 คู่ เช่น 4 4 K 10 5 ดอกใดก็ได้
10. ไพ่สูง (High-card) เป็นไพ่ที่มีใบไหนจับคู่ได้เลย
คำศัพท์ที่มีทั้งหมดในการเล่นเกมโป๊กเกอร์
สำหรับคนที่สนใจเล่นเกมไพ่โป๊กเกอร์ เราได้รวบรวมคำศัพท์เพื่อให้ผู้เล่นเข้าใจการเล่นมากยิ่งขึ้น
ไพ่โฮล (HOLD CARDS)
จะเป็นไพ่ 2 ใบแรก ที่ทำการแจกให้โดยคว่ำหน้า หรือชื่อเรียกในเท็กซัส โฮลด์เอ็มว่า “พ็อคเก็ตคาร์ด”
แบดบีท (BAD BEAT)
คำที่ใช้ในกรณีที่ไพ่บนมือดีมาก แต่ต้องแพ้กับไพ่บนมือที่ดีกว่า โดยห้องเล่นจะแบ่งรางวัลในตานั้นให้กับผู้ทำ แบดบีทได้ อีกด้วย
บิ๊กบลายด์ (BIG BLIND), สมอลบลายด์ (SMALL BLIND)
ผู้เล่นทางซ้ายมือของเจ้ามือถูกบังคับวางสมอลบลายด์เท่ากับครึ่งหนึ่งของเงินเดิมพันที่น้อยที่สุด ผู้เล่นทางซ้ายมือจะวางบิ๊กบลายด์ที่มีเท่ากับเงินเดิมพันที่น้อยที่สุด
เทิร์น (TURN)
คือ ไพ่ใบที่ 4 จากกองกลาง
ริเวอร์ (RIVER)
จะเป็นไพ่ใบสุดท้ายของไพ่หงาย
ตัวคุม (KICKER)
เป็นไพ่แต้มสูงอยู่กับไพ่คู่หรือไพ่ 2 คู่
มัคคาร์ด (MUCHKED CARDS)
จะเป็นการทิ้งไพ่ โดยที่ไม่ให้ผู้เล่นเห็นไพ่นั้น
นัท (NUTS)
ชื่อเรียกของมือที่ดีที่สุด หรือที่ชนะทุกตา ซึ่งหากได้ชื่อนี้ควรเดิมพันมากๆ
เจ้ามือ (DEALER)
ผู้เล่นที่เป็นเจ้ามือในแต่ละตา จะเป็นคนวางเดิมพันเป็นคนสุดท้าย
บอร์ด (BOARD)
คือ ไพ่หงาย
ปุ่ม (BUTTON)
ตัวที่จะบอกว่าใครเป็นเจ้ามือสำหรับตานี้ โดยจะเลื่อนตามเข็มนาฬิกาไปทางซ้ายในแต่ละตา
เงินกองกลาง (POT)
เป็นชิปที่อยู่กลางโต๊ะทั้งหมด และผู้เล่นที่ชนะจะได้รับไปทั้งหมด
สู้ (CALL)
เป็นการลงเงินเดิมพันเพิ่มที่เท่ากับเงินเดิมพันที่วางอยู่
หมอบ (FOLD)
เป็นการทิ้งไพ่ในตานั้น เนื่องจากคิดว่าไพ่บนมือสู้ไม่ได้แล้ว
ผ่าน (CHECK)
หากไม่มีการวางเดิมพันเพิ่ม สามาารถผ่านและรอดูว่าจะมีวางเดิมพันอีกหรือไม่ หากทุกคนผ่านจะไปเล่นรอบต่อไป
เก, เกทับ (RAISE, RE-RAISE)
เพิ่มเงินเดิมพันจากที่วางอยู่ในตอนนั้น
เทหน้าตัก (ALL-IN)
เมื่อมีชิปไม่พอสู้ จะต้องเดิมพันด้วยชิปทั้งหมดที่มีและเงินกองกลางด้วย
ฟล็อป (FLOP)
เป็นไพ่ 3 ใบแรก ในไพ่หงาย
อัตราการหักเงินกองกลาง (RAKE)
เงินที่ดึงมาจากกองกลางเป็นค่านายหน้า
ฟิช (FISH)
ผู้เล่นที่อ่อนที่สุดในเกม เสียเงินมากที่สุด
รอบของการวางเดิมพัน (ROUNDS OF BETTING)
รอบของการวางเดิมพันจะจบเมื่อทุกคนมีโอกาสหมอบ สู้ หรือเพิ่มแล้ว
เปิดทั้งหมด (SHOWDOWN)
เมื่อวางเดิมพันเสร็จ ผู้เล่นจะต้องเปิดไพ่ทุกใบและเปิดพร้อมกันทุกคนเพื่อดูว่าใครแต้มสูงที่สุด
เกมเดิมพัน Poker เล่นสนุกลุ้นดวงได้ง่ายๆ
การเล่น โป๊กเกอร์ จะต้องอาศัยดวงในการเล่นอยู่พอสมควร เพราะจะต้องลุ้นแต้มบนหน้าไพ่ผ่านไพ่เพียง 5 ใบ เท่านั้น ซึ่งไพ่จะถูกเฉลี่ยให้กับมือของเจ้ามือและผู้เล่นคนอื่นๆด้วย ยิ่งทำให้มีโอกาสน้อยในการได้รางวัลใหญ่ แต่นับว่าเป็นเกมคาสิโนออนไลน์ที่สนุกและลุ้นได้มากอีกหนึ่งเกม