เทคนิคนับไพ่ วิธีเอาชนะเกมไพ่ในคาสิโน ที่ถูกห้ามใช้

เทคนิคนับไพ่

ลืมเทคนิคหรือสูตรการอ่านเค้าไพ่ไปได้เลย หากได้เรียนรู้กับเทคนิคนับไพ่ที่มีความแม่นยำและชัวร์กว่ามาก ซึ่งนี่คือกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่ถูกใช้มาตั้งแต่ตามบ่อนโต๊ะพนัน จนกระทั่งสามารถนำมาใช้กับคาสิโนออนไลน์ได้อีกด้วย หากใครที่เคยดูภาพยนตร์เกี่ยวกับการเล่นพนัน อาจจะเคยเห็นการใช้เทคนิคนี้กันมาบ้างแล้ว มีความยากและซับซ้อนเพราะต้องมีสมาธิสูงมากในการนับไพ่ทดแต้มไว้ในใจ หากนับผิด นับคลาดเคลื่อนไปสามารถทำให้เราคาดเดาผิดได้ทันที

การนับไพ่ คืออะไร

การนับไพ่เป็นเทคนิคหนึ่งที่ถูกใช้กันมานานแล้ว เรียกได้ว่าเป็นทริคการโกงคาสิโนอย่างหนึ่งได้เลย เพราะแม้แต่เจ้ามือเองก็ไม่ชอบวิธีดังกล่าวนี้  เนื่องจากทำให้เสียเปรียบมาก และผู้ที่นับเป็นจะทำให้เป็นผู้ชนะได้ในทุกเกม ตามโต๊ะพนันและเจ้ามือหลายแห่งจึงมีการออกกฎห้ามนับไพ่เด็ดขาด และลือกันว่าหากรู้ว่าผู้เล่นคนไหนแอบนับไพ่จะถูกแบล็คลิสต์และเชิญออกจากการเล่นทันที

หลักการทำงานของ เทคนิคนับไพ่ เกิดจากแนวคิดที่ผู้เดิมพันต้องการทราบว่าไพ่ที่เหลืออยู่ในกองเป็นไพ่อะไรบ้าง หรือใครถือไพ่อะไรไว้ในมือ โดยที่อาจจะไม่ได้รู้แบบแม่นยำว่าต้องเป็นเลขนี้ แต่จะเป็นการคาดเดาว่าพอจะเป็นไพ่อะไรได้บ้างที่เหลืออยู่ในสำรับและในมือ สิ่งที่ทำให้นักพนันรู้ได้คือ การนับไพ่ในทุกๆ ใบที่ถูกจั่วและลงกองกลางไปแล้วนั่นเอง ทำให้สามารถพอที่จะเดาได้ว่าที่เหลืออยู่นั้นจะมีไพ่ประมาณไหน

การนับไพ่แบบ Thorp’s Ten

เหมาะกับการใช้ไพ่เพียงสำรับเดียว โดยหากออก 1-9 ให้นับ +4, ออก 10 ให้นับ -9 หากได้เลขค่าบวกเยอะ แปลว่าในสำรับมีไพ่ตัวเลขเหลือน้อยลงแล้ว

การนับไพ่แบบ Ace/Five

วิธีนี้จะใช้กับไพ่ดัมมี่ โดยการที่ไพ่ต่ำกว่า 5 ให้นับ +1 และเมื่อมีไพ่ A ออกมา ให้นับ -1 หากผลรวมเป็นบวกมากกว่า +2 ขึ้นไป ให้วาเงินเดิมพันได้เลย

การนับไพ่แบบ Hi-Lo

ใช้ได้กับแบล็คแจ็คและเกมไพ่ได้หลายเกม โดยให้นับ 2-6 เป็นต่ำ +1, 7-9 เป็นกลาง +0, 10-J-Q-K-A เป็นสูง -1 จะสามารถประเมินได้ว่าไพ่ที่เหลืออยู่ในสำรับและไพ่บนมือผู้เล่นอื่นเป็นไพ่สูงหรือต่ำ

การนับไพ่แบบ Knock Out

ใช้สำหรับนับเกมแบล็คแจ็ค โดยจะต้องนับสำรับที่ใช้ก่อน หากใช้ 1,2,6,8 สำรับ จะต้องเริ่มนับที่ 0,-4,-20,-28 ตามลำดับ หากจั่วไพ่  10-J-Q-K-A ให้นับ -1, ไพ่ 2-7 ให้นับ +1, 8-9 ให้นับ +0 รวมได้ค่าบวกประเมินว่าเหลือไพ่สูงเยอะ ได้ค่าลบแปลว่าเหลือไพ่ต่ำเยอะ

การนับไพ่แบบ Omega

เริ่มนับที่ 0 หากเป็นไพ่ A หรือ 8 นับ +0, ไพ่ 2-3-7 นับ +1, ไพ่ 4-5-6 นับ +2, ไพ่ 9 นับ -1, ไพ่ 10 นับ -2 วิเคราะห์สำรับไพ่ คือ ค่าบวกเป็นไพ่สูงเยอะ ค่าลบเป็นไพ่ต่ำเยอะ

การนับไพ่แบบ Wong Halves

วิธีนี้เริ่มต้นที่ค่า 0 โดยจั่วไพ่ 10-J-Q-K-A ให้นับ -1, ไพ่ 9 ให้นับ -0.5, ไพ่ 8 ให้นับ -0, ไพ่ 2 หรือ 7 ให้นับ +0.5, ไพ่ 3-6 ให้นับ +1 ประเมิน คือ ค่ารวมเป็นบวก = ไพ่สูงเยอะ ค่ารวมเป็นลบ = ไพ่ต่ำเยอะ

การนับไพ่แบบ Red Seven

ต้องเริ่มนับตามจำนวนสำรับ 1,2,4,6,8 สำรับ ให้นับ  -2,-4,-8,-12,-16 ตามลำดับ ไพ่ 10-J-Q-K-A ให้ -1, ไพ่ 2-6 ให้ +1, ไพ่ 8-9 ให้ +0 ผลลัพธ์สุดท้ายจากการนับไพ่ทั้งกองอยู่ที่ + 2

การนับไพ่แบบ Zen

เริ่มนับทุกสำรับด้วย 0 หากไพ่ A ให้ -1, ไพ่ 10-J-Q-K ให้ -2, ไพ่ 8-9 ให้ -0, ไพ่ 2-3-7 ให้ +1, ไพ่ 4-5-6 ให้ +2 จากนั้นวิเคราะห์ตามแต้มรวมให้สัมพันธ์กับไพ่ในสำรับได้เลย

Hi-Opt I

ใช้กับไพ่แบล็คแจ็ค ทุกสำรับให้นับจาก 0 เมื่อจั่วไพ่ 3-6 ให้นับ +1, ไพ่ 10-J-Q-K ให้นับ -1, ไพ่ A-2-7-8-9 ให้นับ +0

Hi-Opt II

เน้นใช้กับการเล่นแบล็คแจ็ค จะเล่นกี่สำรับก็ให้นับที่ +0 โดยหากไพ่ออก 2-3-6-7 ให้นับ +1, ไพ่ 4-5 ให้นับ +2, ไพ่ 10-J-Q-K ให้นับ -2, ไพ่ A-8-9 ให้นับ +0

ขั้นตอนการนับไพ่และการนำไปใช้ให้ได้เปรียบ

มาถึงส่วนที่ต้องนำข้อมูลจากการนับไพ่ที่ได้ไปใช้จริงกันบ้าง ให้ลองคิดง่ายๆ ว่าถ้าผู้เล่นสามารถนับไพ่ได้ตั้งแต่การเปิดไพ่ใบแรก จนกระทั่งผ่านไปจนเหลือไพ่ให้จั่วจากสำรับได้ไม่เยอะแล้ว เราจะสามารถรู้ได้ทันทีเลยว่าไพ่ในสำรับที่เหลืออยู่จะเป็นไพ่ที่มีแต้มสูง หรือแต้มต่ำมากกว่ากัน หากนับแล้วได้ค่าบวก มากๆ แปลว่า ไพ่ที่เหลืออยู่ในสำรับเป็นไพ่สูง หรือหากนับได้ค่าลบมากๆ ไพ่ที่เหลืออยู่เป็นไพ่ต่ำ ซึ่งทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นว่ากำลังเล่นเกมใดอยู่ หากเป็นแบล็คแจ็ค ถ้าไพ่แต้มบวกเยอะก็ห้ามจั่ว รอให้เจ้ามือหรือคนอื่นจั่วแทน เราจะได้เปรียบทันที ถ้าแต้มลบก็จั่วได้เลย เพราะได้เปรียบอยู่ดี

สมมติหากเป็นการเล่นบาคาร่า ป๊อกเด้ง หรือเกมที่มีการถือไพ่บนมือเพียงตาเดียว เราจะนับได้เฉพาะไพ่ที่ถูกจั่วและใช้ไปแล้วเท่านั้น ซึ่งวิธีการเล่นให้ได้เปรียบ คือ เมื่อเล่นไปสักระยะหนึ่งแล้วนับได้ค่าบวกหรือแปลว่าไพ่ในสำรับเหลือแต้มสูงเยอะ ให้เราดูประกอบกับไพ่บนมือ หากบนมือแต้มรวมกันได้เยอะแล้วแบบนี้ไม่ควรจั่วเพิ่ม เพราะจะเสียเปรียบ กลับกันหากไพ่บนมือรวมกันได้น้อยก็จั่วได้ แต่เมื่อเป็นค่าลบก็ปรับแนวความคิดเป็นตรงกันข้ามเท่านั้นเอง

ตัวอย่างการนับไพ่ด้วยวิธี Hi-Lo

  1. โดยปกติแล้วเกมเดิมพันไพ่จะใช้ไพ่ประมาณ 1-8 สำรับ ในการเล่น 1 เกม เมื่อไพ่ไหนถูกใช้แล้วจะไม่นำกลับเข้าสำรับ
  2. ให้เริ่มรับตั้งแต่การเปิดไพ่ใบแรก ดังนั้นแนะนำว่าต้องเลือกเล่นกับโต๊ะที่เพิ่งเริ่มเกมใหม่เท่านั้น
  3. ไพ่ 2-6 จะนับเป็น +1, ไพ่ 7-9 นับเป็น +0, ไพ่ 10,J,Q,K,A นับเป็น -1 และทดในใจหรือจดไว้ทุกครั้ง
  4. เมื่อเกมดำเนินต่อไปเรื่่อยๆ ยิ่งค่าที่นับได้เป็นบวกมากเท่าไร หมายถึงไพ่ที่เหลือในสำรับหรือไพ่บนมือคนอื่นๆ จะเป็นไพ่สูง
  5. กลับกันหากค่าที่นับได้เป็นลบมากเท่าไร หมายถึงไพ่ที่เหลือและไพ่บนมือจะเป็นไพ่ต่ำ
  6. ไพ่สูง คือ ไพ่ 10,J,Q,K,A และไพ่ตต่ำ คือ ไพ่ 2-6 แต้ม
  7. นำข้อมูลที่ได้ไปวิเคราะห์กับสถานการณ์ในขณะเล่นเพื่อเพิ่มความได้เปรียบ
Hi-Lo Counting System

สิ่งที่ต้องระวังหากจะใช้แนวทางการนับไพ่

ไม่ใช่ว่าการนับไพ่เป็นแล้วจะทำให้ต้องเป็นผู้ชนะเสมอไป เพราะเหล่าเซียนพนันในยุคนี้ก็เริ่มหยุดใช้วิธีนี้กันมากแล้ว เนื่องจากในด้านกฎกติกาของบ่อนพนันในต่างประเทศบางแห่งได้กำหนดให้การนับไพ่นั้นถือเป็นการโกงที่ร้ายแรงชนิดหนึ่ง แต่ก็ยังสามารถนำมาใช้กับการเล่นบนคาสิโนออนไลน์ได้ เพราะเปิดกว้างและส่วนหนึ่งยังคงมองว่าเป็นเทคนิคหนึ่งของการพนัน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องที่ผิดหากนักเดิมพันมีความรู้ความสามารถในการนำมาใช้เล่นจริงได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการนับไพ่จะยังคงใช้ได้กับคาสิโนหลายๆ แห่ง ได้อย่างไม่ผิดกติกา แต่หากไม่มีความชำนาญหรือเพิ่งเริ่มฝึกใช้เทคนิคนี้ แนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงการเล่นจริงดีกว่า เพียงทำความเข้าใจดูเหมือนจะง่ายก็จริง แต่ในการเล่นกับสถานการณ์จริงนั้นจะมีความกดดันกับเกมมาก และหากยิ่งนับไพ่ไปลึกมากเท่าไรก็จะยิ่งซับซ้อนมากเท่านั้น อาจสับสนเองได้ และบางครั้งก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์เสมอไป เพราะบางช่วงมีปัจจัยอื่นๆ มาเป็นตัวแปรเพิ่มขึ้นด้วย

ข้อสรุปแนวคิดที่ได้จากเทคนิคนับไพ่

สำหรับข้อสรุปที่ได้จากการใช้ เทคนิคนับไพ่ เรียกได้ว่านี่เป็นวิธีการที่สร้างความได้เปรียบกับผู้เล่นได้ จากปกติที่เราจะเห็นว่า House Edge มักจะอยู่ฝั่งเจ้ามือ แต่ด้วยเทคนิคนี้ทำให้ผู้เล่นเป็นสามารถอยู่เหนือเจ้ามือได้เลย นอกจากนี้ส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือ เป็นวิธีที่เริ่มต้นและถูกนำไปใช้กับเกมแบล็คแจ็คบ่อยที่สุด ซึ่งถูกออกแบบมาให้เล่นได้เข้ากันดีที่สุดเพียงเกมเดียวแล้ว หากจะนำไปใช้กับเกมไพ่ชนิดอื่น อาจจะต้องมีการปรับเทคนิค หรือกลยุทธ์อื่นๆ เข้ามาช่วยเพิ่มเติม

โดยปกติการเล่นเกมเดิมพันหลายคนอาจมองว่าเป็นเกมที่ต้องเน้นการใช้ดวงเพียงอย่างเดียว แต่หากได้เรียนรู้กับการนำสูตร เทคนิคต่างๆ มาใช้ให้เข้ากับการเล่นก็อาจไม่ใช่แบบนั้นเสมอไป เพราะเมื่อมีทักษะและเล่นไปตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้เป็นอย่างดีแล้ว ก็มองได้ว่าเกมเดิมพันไม่ใช่เกมที่ใช้ดวงอีกต่อไป เพราะมีทริคลับที่ช่วยเพิ่มความได้เปรียบและทุกๆ คนสามารถฝึกฝนได้

แหล่งที่มาในการอ้างอิง

แชร์เรื่องนี้