สิ่งหนึ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ที่นับได้ว่าดังไปทั่วโลกทีเดียวกับ ยากูซ่า วัฒนธรรมการอยู่ร่วมกันแบบแก๊งขนาดใหญ่ที่มีอุดมการณ์ ความเชื่อ และวิถีการปฏิบัติร่วมกัน หากเปรียบกับชาวยุโรปเหมือนได้กลับกลุ่มมาเฟีย หรือเปรียบกับไทยที่เหมือนกับกลุ่มนักเลงอันธพาล ที่ปกติสังคมมักมองว่าเป็นภัย เพราะมักมีเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งบ่อนพนันที่ไม่ได้รับอนุญาต การข่มขู่ อาชญากรรม และอีกมากมาย แท้จริงแล้วกลุ่มคนเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร มีที่มาที่ไปแบบไหน และมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ มาร่วมหาคำตอบได้จากบทความนี้
สารบัญเนื้อหา
ยากูซ่า คืออะไร
ยากูซ่า หรือชื่อเรียกญี่ปุ่นว่า โกคุโด นับเป็นกลุ่มอาชญากรรมมีหลายขนาดตั้งแต่เล็กไปจนกลุ่มใหญ่ เกิดขึ้นจากกลุ่มคนในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันกลุ่มที่มีสมาชิกมากที่สุดมีถึง 4 แสนราย และกลุ่มน้อยที่สุดอยู่ที่ 100 ราย สำหรับนิยามของคำว่า ยากูซ่า เกิดขึ้นจากการเรียกศัพท์การเล่นไพ่ของชาวญี่ปุ่นในอดีตที่คล้ายๆกับบาคาร่า ตัดสินผู้ชนะจากผู้ที่ดวงไม่ดี หรือโชคร้ายที่สุด ได้ไพ่แต้มไม่ดีที่สุด หรือบางครั้งคำว่ายากูซ่ามักถูกใช้เพื่อแสดงถึงความโชคร้ายหากได้มาต่อต้านกลุ่มของพวกเขา
โดยปกติแล้ว ยากูซ่า ที่มักพบเห็นได้บ่อยๆ จะใส่สูทสีดำ แว่นตาสีดำ เนกไทสีฉูดฉาด หรือบางคนมีนิ้วมือไม่ครบ 10 นิ้ว และหากเป็นหัวหน้าแก๊ง จะสังเกตได้จากการใส่เครื่องประดับหรู มีการใช้รถยนต์ยุโรป ที่ตรงกันข้ามกับวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่นิยมใช้รถยนต์ภายในประเทศตนเอง และสิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด รอยสัก ที่ในอดีตจะสื่อถึงประวัติในการก่ออาชญากรรม ความเข้มแข็ง รวมถึงการยอมรับกับกฎเกณฑ์ของยากูซ่า แต่ยุคปัจจุบันนี้จะใช้เพื่อแสดงถึงสังกัดหรือกลุ่มที่ตนเองประจำอยู่เท่านั้น
โครงสร้างของแก๊งยากูซ่า
ปกติยากูซ่าจะอยู่กันแบบครอบครัว มีหัวหน้าแก๊งที่เรียกว่าพี่ใหญ่ เป็นพ่อใหญ่หรือผู้นำคอยควบคุมกลุ่ม พื้นฐานสมาชิกในกลุ่มส่วนใหญ่นั้นมักจะเป็นวัยรุ่นที่มีปัญหาจากทางบ้าน วัยรุ่นที่มีความกดดันถูกรังแกจากโรงเรียน หรือชาวเกาหลีและจีนที่อพยพ โดยผู้ที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสมาชิกนั้นสามารถร่วมได้ทันที ไม่มีการจำกัดชนชั้น สังคมใดๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งสำคัญที่เมื่อเข้ามาแล้วจะต้องยอมรับในกฎเกณฑ์ต่างๆ และเคารพผู้ดำรงตำแหน่งสูงกว่า
สำหรับแก๊งยากูซ่าในส่วนมากแล้วมักจะมีสมาชิกเป็นผู้ชาย และมีจำนวนผู้หญิงน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วผู้หญิงที่เข้ากลุ่มยากูซ่ามักจะได้รับการยอมรับเพื่อเป็นภรรยาของหัวหน้าแก๊ง สำหรับหญิงในก๊วนยากูซ่าชื่อดังที่สุดของญี่ปุ่น คือภรรยาของ คาซูโอะ ทาโอกะ หัวหน้ารุ่นที่ 3 ของแก๊งยามากุชิกุมิ ที่หลังจากเขาได้จบชีวิตลงในปี 1980 แล้ว ภรรยาจึงได้ขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าแทนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ช่วงหนึ่ง
อย่างไรก็ตามแก๊งยากูซ่า จะมีโครงสร้างซับซ้อน ปกครองกันแบบพีระมิดลำดับความสำคัญ ได้แก่ หัวหน้าใหญ่, ที่ปรึกษาอาวุโส, หัวหน้าของสำนักงานใหญ่ และสายที่สอง ผู้ควบคุมแก๊งหลายแก๊งในภูมิภาค กระจายไปตามลำดับขั้นอำนาจ ทุกสายจะมีหัวหน้าย่อย รองหัวหน้า ที่ปรึกษา ลูกน้องที่ภักดีพร้อมสละชีพแทนหัวหน้า นอกจากนี้ยังแบ่งโครงสร้างยากูซ่าเป็น 2 ประเภทหลัก ดังนี้
Family Yakuza
ยากูซ่าที่ปกครองกันแบบครอบครัว จะมีการแบ่งลำดับชั้นตามผลงานที่ทำได้ หรือได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้าใหญ่ การปกครองจะมีหัวหน้าใหญ่ รองมาคือ รองหัวหน้า และสุดท้าย ลูกน้อง โดยสมาชิกทุกคนจะไม่กลัวตาย พร้อมรับคำสั่งจากหัวหน้าใหญ่ โดยไม่ให้เกิดสิ่งผิดพลาด การเข้าร่วมกลุ่มมักจะดื่มเหล้าสาเกแก้วเดียวกันเพื่อเป็นการสาบาน
Lone Yakuza
รูปแบบนี้จะมีลักษณะเป็น ยากูซ่าที่ไร้สังกัด โดยจะไม่ขึ้นอยู่กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรืออาจจะมีการรวมกลุ่มเพียงกลุ่มเล็กๆ เท่านั้น ซึ่งจะไม่มีการปกครองเป็นหลายๆ ชั้นเหมือนกับแฟมิลี่ยากูซ่า แต่จะเป็นผู้มีอิทธิพลที่คอยเก็บค่าคุ้มครองจากสมาชิก
สิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นยากูซ่า
จุดสังเกตของผู้เป็นยากูซ่านั้นสามารถมองได้หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นด้านการแต่งกายที่ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นทั่วไป สมาชิกยากูซ่ามักจะสวมแว่นตากันแดด หรือสวมชุดสูทที่มีสีสันฉูดฉาดให้คนทั่วไปทราบทันทีว่าเขาเป็นใคร หรือแม้กระทั่งการดำเนินชีวิตก็ต่างจากคนทั่วไปในสังคมอย่างสิ้นเชิง เพราะเหล่ายากูซ่ามักมีความเย่อหยิ่ง มีท่าทางที่หยาบมีความกระด้างในพฤติกรรมที่แสดงออกมา ต่างจากชาวญี่ปุ่นที่มักสำรวมและรักสงบ ไม่อวดดี
มีข้อมูลบางส่วนเช่นกันที่ระบุว่ายากูซ่าบางราย ก็มักจะทำตัวต่างจากก๊วนยากูซ่าทั่วไปอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือ มีบางรายที่จะทำตัวให้กลมกลืนไปกับคนทั่วไป ทั้งการแต่งตัว การปกปิดรอยสักและโชว์รอยสักเพื่อบ่งบอกสังกัดของตนเองเท่านั้น การมีนิสัยนิ่ง สงบ แต่บางครั้งสังเกตได้จากเข็มกลัดเครื่องหมายแก๊งบนคอเสื้อนอก และบางแก๊งจะมีการพิมพ์จดหมายข่าวเป็นรายเดือนในการแจ้งข่าวเกี่ยวกับการถูกจับกุมของสมาชิกในกลุ่ม การแต่งงาน งานศพ และการฆาตกรรมที่เกิดขึ้น
รอยสัก สัญลักษณ์แสดงความเป็นยากูซ่า
สมาชิกแก๊งยากูซ่าส่วนใหญ่จะเห็นได้จากการมีรอยสักสีรูปต่างๆได้แก่ มังกร ปลาคาร์พ เทพเจ้าของจีน หรือตัวละครจากเทพนิยายต่างๆ ตามบริเวณไหล่ หลัง ต้นแขน และจุดใต้ร่มผ้าต่างๆ
นอกจากนี้จะมีรอยสักที่เป็นสัญลักษณ์ของแก๊งที่สังกัดอยู่ ซึ่งจะใช้การสักด้วยมือทั้งหมด เป็นการนำหมึกเข้าสู่ผิวหนังโดยตรง โดยใช้ไม้ไผ่หรือเหล็ก ทั้งเจ็บปวดและใช้เวลาหลายปีกว่าลายจะสมบูรณ์
งานของเหล่าแก๊งอันธพาล
- ผู้คุมบ่อนพนัน ส่วนใหญ่จะเป็นเจ้าของหรือเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของบ่อน คุมบ่อนพนันให้อยู่ในความเรียบร้อย การตามทวงหนี้ เป็นต้น
- ผู้คุมแผงขายของ รายได้มักมาจากเก็บค่าคุ้มครองจากเหล่าพ่อค้าแม่ค้า เป็นเจ้าของพื้นที่คุมอาณาเขตแย่งที่ขายของ หรือจ้างเก็บกวาดร้านค้าหลังจากเลิกงาน
- ยากูซ่านักการเมือง แหล่งเงินทุนสำคัญและเป็นความลับที่ยังไม่มีการตีแผ่ชัดเจน แต่สื่อมักคาดว่าได้รับเงินทุนสนับสนุนจากพรรคการเมือง
- กลุ่มนักเลงอันธพาล เป็นแก๊งอันธพาลในสังคม ทั้งผู้ร้าย ฆาตกร และการก่ออาชญากร ที่ทำทุกอย่างเพื่อเงินหรือตามที่ถูกว่าจ้างไว้
กฎการลงโทษจากเบาไปหนัก
- การตัดผม โกนหัว
- การกักบริเวณ
- การลดตำแหน่งชั้น
- การตัดนิ้วมือ
- การจ่ายค่าปรับ
- การไล่ออกจากกลุ่ม
- การตัดขาดออกจากกลุ่ม
แง่มุมของยากูซ่าและอนาคตจะเป็นอย่างไร
แม้ว่าภาพลักษณ์โดยรวมของเหล่าแก๊งยากูซ่าที่คนส่วนใหญ่มักจะเห็นตรงกันว่าเป็นอันตราย ภัยร้ายต่อสังคม แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีบางกลุ่มที่ทำธุรกิจอย่างถูกกฎหมาย เช่น การเข้าซื้อหุ้นในบริษัทขนาดใหญ่ การทำธุรกิจธนาคาร และขายอสังหาริมทรัพย์
นอกจากนี้อดีตยังมีการบันทึกไว้ว่าเหล่ายากูซ่าได้เข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากแผ่นดินไหวในเมืองบ้านเกิดของแก๊งหนึ่ง หรือการที่เหล่าก๊วนได้เข้าช่วยปราบปรามอาชญากรรมในเมืองโกเบและโอซาก้าจากเหล่าโจรเล็กๆ น้อยๆ
แม้ว่ายากูซ่าจะยังคงมีด้านดีอยู่ แต่ทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็เดินหน้าปราบปรามอย่างต่อเนื่อง โดยได้ออกกฎหมายต่อต้านการฉ้อโกง หรือ พระราชบัญญัติการป้องกันกิจกรรมที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายจากสมาชิกแก๊งอาชญากร การคุมบ่อนคาสิโนที่ไม่ได้รับอนุญาตผิดกฎหมายต่างๆ ซึ่งถึงแม้ว่าทางการจะพยายามควบคุมเหล่ายากูซ่าอย่างเข้มงวด แต่ก็ดูเหมือนจะยากที่จะหายไปแบบทั้งหมด เพราะพวกเขาสืบทอดมากว่า 300 ปีแล้ว และมีความเกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมและสังคมของคนญี่ปุ่นอีกหลายด้าน